วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

มาตรวจเช็คสภาพหัวเทียน ด้วยตนเองกันดีกว่า


เอาใจคอคนรักเครื่องยนต์เบนซินกันหน่อย ซึ่งเรื่องที่จะนำเสนอสำหรับฉบับเปิดหัวปีนี้ ขอนำเสนอเกี่ยวกับเรื่องของ "การบำรุงรักษา การตรวจเช็ค และการถอดเปลี่ยนหัวเทียนด้วยตัวท่านเอง"


หัวเทียน หรือชื่อภาษาอังกฤษที่หลายท่านรู้จักคุ้นตาจากข้างกล่องบรรจุในนาม SPARK PLUG มันคือชิ้นส่วนสำคัญของระบบจุดระเบิดสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน โดยการทำงานของเจ้าหัวเทียนนี้ จะทำการรับกระแสไฟแรงเคลื่อนสูงระดับแสนโวลต์ที่รับการแปลงเพิ่มแรงเคลื่อนจาก ชุดคอนเดนเซอร์ (CDI) จ่ายต่อมายัง ชุดจานจ่าย เพื่อทำการจัดส่งกระแสไฟให้ถูกต้องตามลำดับขั้น การจุดระเบิดของเครื่องยนต์ (FIREDING ORDER) ส่งผ่านกระแสไฟมาตามสายหัวเทียนผ่านสู่ ขั้วหัวเทียน ส่งตรงลงตามแกนหัวเทียนจนสุดปลาย จากนั้นกระแสไฟแรงเคลื่อนสูงนี้จะกระโดดข้ามส่ง ประกายไฟ SPARK ลงที่ เขี้ยวหัวเทียน (เขี้ยวดิน) เป็นอันว่าการเดินทางของกระแสไฟสามารถไหลลงสู่ GROUND ได้ครบวงจร ซึ่งเจ้าประกายไฟไฟที่สปาร์คกระแสไฟกระโดดข้ามจากแกนหัวเทียนสู่เขี้ยวดินนี่หล่ะคือ ตัวการทำหน้าที่จุดระเบิดส่วนผสมของน้ำมันและอากาศ (ไอดี) ให้เกิดการสันดาปภายในเครื่องยนต์


หัวเทียน นั้นมีอายุการใช้งานเช่นกัน โดยทั่วไปควรทำการเปลี่ยนหัวเทียนชุดใหม่เมื่ออายุการใช้งานครบ 100,000 กิโลเมตร ทั้งนี้เพื่อตัดกังวลเรื่องการเสื่อมคุณภาพของหัวเทียนขณะขับขี่ (หัวเทียนบอด) และในระหว่างการใช้งานตามระยะ 100,000 กิโลเมตร ท่านผู้ใช้รถควรทำการตรวจสอบเช็คสภาพหัวเทียนให้มีความสมบูรณ์อย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากการตรวจสภาพหัวเทียน สามารถบอกลักษณะการทำงานของเครื่องยนต์ได้ ตั้งแต่การบ่งชี้ว่าอัตราส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิงสัมพันธ์กันเพียงไร อัตราส่วนผสมหนาหรืออัตราส่วนผสมบางหรือไม่ รวมถึงหัวเทียนยังสามารถบอกได้ถึงลักษณะการปรับองศาไฟจุดระเบิดว่า เครื่องยนต์นั้นๆ ปรับตั้งค่าองศาไฟจุดระเบิดอยู่ในตำแหน่งก่อนถึงศูนย์ตายบน (ไฟแก่) หรือหัวเทียนจุดระเบิดส่วนผสมไอดีหลังจากลูกสูบเลื่อนผ่านศูนย์ตายบน (ไฟอ่อน) ซึ่งสีของหัวเทียนสามารถบอกลักษณะต่างๆ ได้อย่างดี จุดนี้ถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่ง สำหรับการวินิจฉัยการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อทำการปรับแก้ไขระบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกลับมาทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

เพื่อกันการสับสนก่อนการถอดหัวเทียนออกมาตรวจเช็ค สิ่งที่ควรกระทำมีดังนี้ -


ก่อนทำการถอดหัวเทียนทุกครั้ง เพื่อป้องกันความสับสนของการใส่สายหัวเทียนสลับสูบ วิธีที่ดีที่สุดคือ ควรทำสัญลักษณ์บอกตำแหน่งที่สายหัวเทียนแต่ละสูบ ซึ่งท่านผู้อ่านอาจเลือกใช้การมาร์คด้วยกระดาษกาวพันที่สาย แล้วเขียนหมายเลข กำกับก็สามารถช่วยจดจำไม่สับสน -


เมื่อทำการถอดหัวเทียนออกจากเบ้า ควรทำการมาร์คระบุหัวเทียนแต่ละหัวให้ชัดเจนว่าเป็นของสูบใด ทั้งนี้เนื่องจาก การทำงานของเครื่องยนต์ในแต่ละสูบจะมีลักษณะการสึกหรอที่แตกต่างกัน ซึ่งในบางครั้งเมื่อเราทำการถอดหัวเทียน ออกจนหมดแล้วสังเกตที่สีหัวเทียน ในบางรายอาจพบว่าสีของหัวเทียนของแต่ละสูบนั้นแตกต่างกัน การสังเกตสีของหัวเทียน และลักษณะหัวเทียน เพื่อทำการวินิจฉัยก่อนการปรับแต่งที่เหมาะสมทำได้ดังนี้ - ถ้าหัวเทียนมีสภาพแห้ง คราบที่เกาะบริเวณเขี้ยวหัวเทียนมีสีน้ำตาลอ่อนๆ สภาพเช่นนี้ เป็นลักษณะของการเผาไหม้ ของเครื่องยนต์ที่สมบูรณ์แบบ การทำงานของระบบต่างๆ ในเครื่องยนต์อยู่ในสภาพปกติ -

ถ้าหัวเทียนมีสภาพดำแห้ง สามารถเช็ดออกได้ง่าย ลักษณะเช่นนี้บอกให้เราได้ทราบว่า ส่วนผสมของน้ำมันเชื้อเพลิง มีอัตราส่วนผสมที่มากกว่าอากาศ (ส่วนผสมหนา) ซึ่งคราบที่พบคือ ส่วนที่เหลือตกค้างของละอองน้ำมันเชื้อเพลิงที่มาก เกินกว่าความต้องการของเครื่องยนต์ การแก้ไขเบื้องต้นคือ ทำการปรับซ่อมของระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ใหม่

หัวเทียนมีสภาพชุ่มน้ำมันเครื่อง ลักษณะเช่นนี้คือ อาการที่บ่งบอกว่าเครื่องยนต์เกิดการสึกหรอ และมีการเล็ดลอดของน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ สาเหตุอาจเกิดจากลูกสูบและแหวนลูกสูบเกิดการสึกหรอ กระบอกสูบ อาจมีรอยขูดขีดที่ลึกเป็นร่องบริเวณผนังกระบอกสูบ หรืออาจเกิดการเสื่อมสภาพของซีลไกด์วาล์วบนฝาสูบ อาการเช่นนี้ ควรนำรถส่งให้ช่างทำการตรวจสอบและซ่อมบำรุง


หัวเทียนมีลักษณะกร่อน และไหม้ เมื่อพบหัวเทียนลักษณะเช่นนี้แสดงว่าการทำงานของเครื่องยนต์อยู่ใน อุณหภูมิที่สูงเกินไป สาเหตุอาจเนื่องมาจากการเลือกใช้เบอร์ของหัวเทียนไม่เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน การระบายความ ร้อนสะสมที่เกิดขึ้นกับส่วนปลายของหัวเทียนไม่สามารถคายความร้อนออกสู่ภายนอกได้อย่างรวดเร็ว หรืออาจเกิดจาก การชิงจุดระเบิด (PRE-IGNITION) เนื่องจากเครื่องยนต์มีอุณหภูมิร้อนจัด จนส่วนปลายของเขี้ยวระอุจนเป็น สีแดงเกือบหลอมละลายนั่นเอง

หากพบคราบเขม่าสีขาวหรือสีเหลืองจับอยู่ ลักษณะเช่นนี้บ่งชี้ให้ทราบว่าองศาการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ เกิดขึ้นภายหลังลูกสูบเลื่อนพ้นศูนย์ตายบน หรือที่เราเรียกกันง่ายๆ ว่า ไฟอ่อน การแก้ไขที่ควรทำคือ ปรับตั้งตำแหน่งองศาการ จ่ายไฟของระบบจุดระเบิดใหม่ให้มีองศาไฟที่แก่ขึ้น นอกจากนี้หลังการปรับองศาการจุดระเบิดใหม่ ควรทำการเปลี่ยนหัวเทียน ใหม่ให้มีขนาดเบอร์ที่ร้อนขึ้น

หลังจากที่เราทำการตรวจวิเคราะห์ และปรับแก้ไขระบบต่างๆ ให้เหมาะสม ก่อนทำการประกอบหัวเทียนกลับเข้าสู่เครื่องยนต์ ควรล้างทำความสะอาดหัวเทียนให้เรียบร้อยด้วยน้ำมันเบนซิน ควบคู่ไปกับการใช้แปรงทาสีขนาดเล็ก แปรงลวดทองเหลือง เบอร์ละเอียดแบบด้ามจับ และกระดาษทรายเบอร์ละเอียดทำความสะอาดคราบต่างๆ ที่เกาะอยู่รอบหัวเทียนให้มีสภาพพร้อมใช้

อีกสิ่งที่ควรทำคือ วัดค่าระยะห่างของเขี้ยวหัวเทียนทุกครั้ง เพื่อประสิทธิภาพของการเกิดประกายไฟจุดระเบิดที่ เต็มเปี่ยม โดยค่าระยะห่างเขี้ยวหัวเทียนมาตรฐานจะประมาณ 0.6-0.8 มิลลิเมตร (0.024-0.031 นิ้ว) ซึ่งการตั้งค่าระยะห่างที่แม่นยำถูกต้องควรใช้ฟิลเลอร์เกจชนิดลวดกลม (ROUND WIRE GAGE)

ไม่ยากเลยใช่มั๊ยครับกับการดูแลรักษาหัวเทียนด้วยตัวคุณเอง นอกเหนือจากเป็นการใช้เวลาว่างช่วงวันหยุดให้คุ้มค่า พาเพลิดเพลินไปกับการรักษารถที่คุณรักด้วยเองแล้ว คุณผู้อ่านยังสามารถทราบถึงอาการผิดปกติที่กำลังเกิดกับเครื่องยนต์ เพื่อทำการปรับแก้แต่เนิ่นๆ อย่างถูกต้อง ซึ่งการได้ขลุกอยู่กับรถเช่นนี้ ยังช่วยป้องกันเงินในกระเป๋ากระเด็นออกเกินความจำเป็น เพราะจะได้ไม่ถูกกลุ่ม ช่างไร้จรรยาบรรณบางรายหลอกอีกด้วย

เห็นประโยชน์ขนาดนี้แล้ว วันหยุดที่จะถึงนี้ ลองเปิดฝากระโปรงหน้ารถตรวจเช็ครถด้วยตัวคุณเองดูก็ดีนะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก นิตยสารออฟโรด
ฉบับที่ 141
ประจำเดือน มกราคม 2550

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น